วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน

เราเป็นคนที่เที่ยวได้ทุกแนว ทั้งธรรมชาติ แหล่งโบราณสถาน ผับ บาร์ หรือพิพิธภัณฑ์ โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวสถานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชอบอ่านเรื่องราวและประวัติความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ Seodaemun Prison History Hall หรือพิพิธภัณ์ประวัติศาตร์เรือนจำซอแดมุน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มีประวัติความเป็นมาที่เศร้ามากค่ะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตซอแดมุนของกรุงโซล ซึ่งเดิมนั้นเคยเป็นเรือนจำเก่าถูกสร้างขึ้นมาในปลายราชวงศ์โซซอน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีก็ได้ใช้เรือนจำแห่งนี้เป็นสถานที่จองจำชาวเกาหลีผู้ที่เข้าร่วมขบวนการเรียกร้องอิสรภาพ และนอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่เพื่อทรมานสายลับที่แฝงตัวมาอีกด้วยค่ะ

การเดินทางไปยังเรือนจำนี้สะดวกและง่ายมากค่ะ เราไปโดยรถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Dongnimmun ทางออก 5 ออกมาปุ๊ปจะเจอพิพิธภัณฑ์อยู่ทางด้านซ้ายมือเลยค่ะ

    

อัตราค่าบริการของที่นี่ ผู้ใหญ่ 3,00 วอน เด็ก 1,000 วอนค่ะ 


ภายในเรือนจำเปิดให้ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวได้ชมห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้องแสดงนิทรรศกาลประวัติและความเป็นมา, ห้องขัง, ห้องสอบสวนและทรมาร, ห้องปฏิบัติการทหารญี่ปุ่นในอดีต


ห้องขังนักเรียกร้องอสิรภาพชาวเกาหลี ภายในห้องขังบางห้องจัดแสดงข้อมูลและประวัติความเป็นมาของนักเรียกร้องอิสรภาพพร้อมกับจัดแสดงฉากการคุมขัง เราใช้เวลาในส่วนนี้นานพอสมคววร รู้สึกเศร้าและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก 



ส่วนนี้เป็นห้องขังเดี่ยวค่ะ ชื่อ Ink Cell  แคบและมืดมาก




ส่วนนี้คือจุดพีคของที่นี่ค่ะ เพราะเป็นสถานที่สำหรับปลิดชีวิตนักโทษ สร้างขึ้นเมื่อปี 1923 ภายในกำแพงมีอาคารไม้ (ห้ามถ่ายรูป) และอุปกรณ์ในการปฏิบัติการ ว่ากันว่านักโทษพยายามจับยึดต้นไม้ต้นนี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวในขณะที่กำลังโดนทหารญี่ปุ่นลากไปยังอาคารไม้ค่ะ 


อุโมงค์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยทหารญี่ปุ่นค่ะ เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียง/และทำลายศพของนักโทษอย่างลับๆ ถูกค้นพบในปี 1992


ส่วนนี้เป็นสถานที่ออกกำลังกายของนักโทษค่ะ เป็นช่องเล็กๆ และมีกำแพงสูงกั้นเพื่อกันไม่ให้นักโทษเห็นหน้าและสื่อสารกันค่ะ



อาคารเรือนจำหญิง ด้านในมีห้องขังใต้ดินด้วยค่ะ


พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน สถานที่ที่ชาวเกาหลีใต้เก็บรักษาไว้อย่างดีหลังจากได้รับอิสรภาพ เพราะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าเศร้าและหดหู่เพื่อให้ประชาชนชาวเกาหลีรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงความโหดร้ายของการตกเป็นเมืองขึ้นค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น